#ทำไมต้องเลี้ยงลูกด้วยนม น้ำนมเป็นเหมือนการแบ่งน้ำเลือดของแม่
ทำไมต้องเลี้ยงลูกด้วยนม น้ำนมมีโปรตีนปริมาณสูง ย่อยง่าย นำไปใช้ได้ทันที.. น้ำนมเป็นเหมือนการแบ่งน้ำเลือดของแม่ออกมาให้ลูกได้ดื่มกิน
#ทำไมต้องเลี้ยงลูกด้วยนม
– เราเห็นสัตว์หลายชนิด เกิดมาก็หาอาหารกินเอง เช่น ไส้เดือน เต่า ปลา จิ้งจก จรเข้ ไก่ เป็ด ฯลฯ แต่ ทำไม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงต้องมีนมให้ลูกกิน
– ตัวอ่อนจำเป็นต้องมีอาหารสำหรับการเจริญเติบโต และ ส่วนสำคัญของอาหาร คือ โปรตีน พืช หรือ สัตว์ จึงมี อาหารสะสมไว้ในเมล็ด ในไข่ ซึ่ง สัตว์เหล่านี้ มีปริมาณ อาหารเพียงพอที่จะเจริญเติบโต และ สร้างส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการมีชีวิตรอด และ พร้อมที่จะอาหารสำหรับการดำรงชีพต่อไป … ปริมาณ อาหารที่สะสมในใช่ จะพอดีกับสัตว์ชนิดนั้นๆ
– แต่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีการพัฒนาต่างๆ ที่ซับซ้อนกว่าสัตว์อื่นๆ โดยเฉพาะส่วนของสมอง ซึ่งต้องการโปรตีนจำนวนมาก ดังนั้น การเก็บอาหารไว้ให้พร้อม ในไข่ เหมือนสัตว์อื่นๆ จึงไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนา … แนวทางจึงเปลี่ยนเป็นการสร้างมดลูก ที่จะมีรก ไว้ส่งอาหารให้กับตัวอ่อนแทน เพื่อที่จะได้มีอาหารเพียงพอ … ตรงนี้จึงแตกต่างกันมาก ระหว่าง การเก็บลูกน้อยไว้ในตัวเอง กับ การปล่อยให้ลูกน้อยโตในไข่ .. .ทั้ง 2 อย่าง ลูกน้อยมีเกราะป้องกันทั้งคู่ แต่ ในไข่ อาหารสำหรับการเติบโตมีจำกัด แต่ถ้าในครรภ์ (ในมดลูก) จะมีอาหารได้มากกว่ามากนัก
– ถึงแม้จะมีการเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเลี้ยงจนใหญ่มาก หรือโตมากได้ เพราะจะคลอดไม่ออก จึงจำเป็นต้องให้มีการคลอดลูกน้อยออกมาใช้ชีวิตภายนอกตัวแม่ ซึ่ง จุดที่ชี้ว่า ลูกน้อยพร้อมออกมานอกตัวแม่ คือ มีระบบหายใจ ระบบสูบฉีด ระบบขับถ่าย และ ระบบทางเดินอาหาร เจริญสมบูรณ์ …จึงให้ออกมาก่อน แต่ระหว่างนี้ ส่วนที่เป็นสมองส่วนหน้ายังไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องได้รับอาหารเพิ่มเติม และ อาหารที่ดีและ พร้อมใช้มากที่สุดอย่างหนึ่ง คือ น้ำนม ซึ่ง มีโปรตีนปริมาณสูง ย่อยง่าย นำไปใช้ได้ทันที.. น้ำนมเป็นเหมือนการแบ่งน้ำเลือดของแม่ออกมาให้ลูกได้ดื่มกิน… สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงเลือกช่องทางที่จะให้ลูกโตในครรภ์ และ ดูดนมเป็นอาหารหลังคลอด จนกว่า การพัฒนาการต่างๆ จะสมบูรณ์พอที่จะช่วยตัวเองได้ โดยเฉพาะสมองส่วนหน้า
– จะเห็นว่า กาให้ลูกดูดนม มีความจำเป็นเฉพาะช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เมื่อลูกเริ่มกินอาหารได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้ลูกดูดนมอีกต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูล : บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :