Tag: ไทยชนะ

  • ร้านห้วยค้างคาว ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี จ.ระนอง

    ร้านห้วยค้างคาว ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี จ.ระนอง

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    ร้านห้วยค้างคาว ร้านกาแฟกลางน้ำตกที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี เหมาะกับการพักผ่อนให้ผ่อนคลายจิตใจกับบรรยากาศที่สุดแสนจะสบาย ที่ร้านห้วยค้างคาวกาแฟสด

            “ร้านห้วยค้างคาว กาแฟสด”  ร้านกาแฟกลางน้ำตกที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี เหมาะกับการพักผ่อนให้ผ่อนคลายจิตใจกับบรรยากาศที่สุดแสนจะสบาย กับเครื่องดื่มแก้วโปรด ที่ร้านห้วยค้างคาวกาแฟสด ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 4 เส้นทาง ชุมพร – ระนอง จุดสังเกตง่ายๆ จะมีรถสองแถวสีชมพูสดใส ประดับหน้าร้าน

            ร้านร้านห้วยค้างคาว กาแฟสดตกแต่งได้อย่างน่ารัก ลงตัว กลมกลืนกับบรรยากาศ มีเครื่องดื่มหลากหลาย ทั้งชา กาแฟ โกโก้  น้ำผลไม้ เมนูที่แนะนำของทางร้านที่ได้ลองแล้วรับรองจะติดใจกับรสชาติ มะนาวดองโซดา กาหยูนมสดปั่น ชาเขียวกาหยูปั่น ผักเหรียง+ส้มจี๊ดปั่น นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารรองท้องแบบง่ายๆ เช่น  ไข่กระทะ แซนวิช ไข่ลวก ขนมปัง ไส้กรอก

            โดยทางร้านจัดโซนที่นั่งด้านล่างติดลำธาร มีแบบทั้งเก้าอี้ และแคร่ไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวสามารถไปนั่งจิบเครื่องดื่มริมน้ำตก ฟังเสียงลำธารที่ไหลผ่าน สูดอากาศบริสุทธิ์ กับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “จิบกาแฟ แช่เท้า เคล้าธรรมชาติ” รับรองฟินแน่นอน! ค่ะ

    • ที่อยู่ :  86/39, ตำบล บางนอน อำเภอเมืองระนอง ระนอง 85000
    • ชื่อผู้ติดต่อ: ห้วยค้างคาว กาแฟสด
    • เบอร์โทรศัพท์  : 082-283-0377  , 081-8020679
    • Social Media (Facebook):  https://www.facebook.com/huaikangkao
    • เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 08.00–18.00 น.
    • ตำแหน่งที่ตั้ง (ลิงค์จาก Google Map):   https://g.page/huaikangkao?share

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • แรงศรัทธา “หลวงพ่อทันใจ” วัดพระธาตุดอยคำ จ.เชียงใหม่

    แรงศรัทธา “หลวงพ่อทันใจ” วัดพระธาตุดอยคำ จ.เชียงใหม่

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    หลวงพ่อทันใจ องค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หรือ องค์เทพเทวดาต่าง ๆ เป็นที่พึ่งเป็นความหวังทางใจหากความศรัทธา พลังจิตที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

                ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติไทย และอีกหลายประเทศทั่วโลกที่นับถือพระพุทธศาสนาคนไทยทุกคนนั้นมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อความศรัทธาบังเกิดขึ้นในจิตใจ จึงไม่แปลกใจถ้าจะมีความเลื่อมใสศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะ องค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หรือ องค์เทพเทวดาต่าง ๆ ซึ่งในยุคสมัยนี้ทุกคนต่างเร่งรีบที่จะร่ำรวยด้วยโชคลาภต่าง ๆ นานา หรือเร่งรีบที่จะประสบผลสำเร็จในชีวิต และเร่งรีบหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อเป็นที่พึ่ง เป็นความหวังทางใจหากความศรัทธาที่มีอย่างแรงกล้าแล้ว การอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณค่าทางจิตใจ แม้บางคนอาจมองเป็นเรื่องงมงาย แต่บางคนกลับมองว่าเป้นเรื่องของพลังจิตบางอย่างและคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เกิดมีความหวังในการดำเนินชีวิตต่อไป

                ตามรอยตำนานความมหัศจรรย์ของ “หลวงพ่อทันใจ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุดอยคำ ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่เป็นพระวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมน้ำใจของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเลยก็ว่าได้

    “หลวงพ่อทันใจ”เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีอายุเก่าแก่กว่า 1,400 ปี ท่านบันดาลให้ผู้ที่ไปขอพร ท่านจะโชคลาภและมีตำนานเล่าขานว่าองค์หลวงพ่อทันใจนี้ ท่านมีญาณวิเศษ เมื่อคนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาต หากไปอธิษฐานขอพรจากหลวงพ่อทันใจแล้ว หลังจากกลับมาจะหายขาดทันที นอกจากนี้ ผู้คนที่ขอพรด้านโชคลาภต่าง ๆ แล้วโดยเฉพาะการเสี่ยงดวงจากสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ หวย หลายคนก็มีโชคลาภเกิดขึ้นทันที และอีกตำนานความศักดิ์สิทธิ์ที่เลื่องลือกันมากคืออธิษฐานขอเรื่องลูกหลายคู่ที่ไปบนขอเรื่องลูกและภายใน 3 เดือนสมหวังทันใจแทบทุกรายเป็นต้น และยังมีอีกหลายต่อหลายครั้งที่มีผู้คนเดินทางจากทั่วสารทิศเพื่อมาขอพร ด้วยความที่อธิษฐานแล้วได้ผลลัพธ์ทันตาเห็นผลทันใจ ขอพรเพียงไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน พรที่ขอก็สัมฤทธิ์ผลดังปาฏิหาริย์ ก็ได้เดินทางกลับมาอีกครั้งเพื่อถวายดอกมะลิแก้บน และเคล็ดลับสิ่งสำคัญในการให้อธิษฐานขอพร คือ ขอได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นท่านถึงจะให้พรได้สมใจหวัง

    วิธีบนขอพรจาก “หลวงพ่อทันใจ”เมื่อการอธิษฐาน ขอพรประสบผลสำเร็จแล้ว จะต้องใช้ดอกมะลิสด 50 พวงขึ้นไป นำมากราบไหว้ถวายเพื่อแก้บนหลวงพ่อ ปัจจุบันมีผู้คนที่มาอธิฐานและขอพรหรือบนบานศาลกล่าวกันเป็นจำนวนมาก พอได้โชคลาภ โชคดีดังที่ขอแล้ว ก็จะนำดอกมะลิมากราบไหว้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละวันจะมีคนนำดอกมะลิมากราบไหว้ไม่น้อยกว่าหลายร้อยหลายพันพวงเลยทีเดียว

                เรื่องราวตำนานเล่าขานความมหัศจรรย์ที่หลายคนอาจคิดว่า ทำไมถึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อทันใจ” นั่นเป็นเพราะการอธิษฐานอะไรก็สำเร็จสมประสงค์ได้ทันใจและทันท่วงที แต่ความเป็นจริงที่เรียกหลวงพ่อทันใจต่อ ๆ กันมานั้น กลับเป็นเรื่องของความทันใจในการสร้างและปลุกเสกองค์พระพุทธรูป โดยในสมัยโบราณ เมื่อมีการสร้างพระ ซึ่งในวัดสำคัญทางภาคเหนือของไทย มักนิยมสร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า “พระเจ้าทันใจ” ที่หมายถึง พระพุทธรูปที่ใช้เวลาสร้างได้สำเร็จภายใน 1 วัน นั่นเอง กล่าวคือจะเริ่มพิธีตั้งแต่หลังหกทุ่มหรือเวลาตั้งแต่ 00.01 น. เป็นต้นไป จนสามารถสร้างองค์พระได้สำเร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ก็คือช่วงเวลาก่อน 18.00 นาฬิกา ของวันถัดไป และสามารถทำพิธีพุทธาภิเษกได้ในเย็นอีกวันหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากการสร้างพระพุทธรูปนั้น มักจะมีขั้นตอน และพิธีกรรมที่ละเอียดซับซ้อน

    การสร้างพระพุทธรูป และสามารถทำพิธีพุทธาภิเษกได้สำเร็จภายใน 1 วัน จึงถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะถ้าสร้างไม่เสร็จใน 1 วัน ก็ถือว่าเป็นพระพุทธรูปธรรมดาทั่วไปจึงมีความเชื่อกันว่าเป็นเพราะพระพุทธานุภาพ และอานุภาพแห่งเทพยดาที่บันดาลให้พิธีกรรมสำเร็จโดยปราศจากอุปสรรค ดังนั้นพุทธศาสนิกชนจึงถือว่าพระเจ้าทันใจเป็นพระพุทธรูปที่จะบันดาลความสำเร็จให้แก่ผู้อธิษฐานขอพรได้อย่างทันอกทันใจจึงเรียกหลวงพ่อพระพุทธรูปนี้ว่า “หลวงพ่อทันใจ”

    แต่การสร้างพระเจ้าทันใจ ที่จะทำให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใสนั้น มีอีกเรื่องราวหนึ่งของลักษณะที่แปลกกว่าการสร้างพระพุทธรูปทั่วไป นั่นก็คือจะมีการบรรจุหัวใจพระเจ้า คล้ายกับหัวใจของมนุษย์ ตลอดจนการบรรจุวัตถุมงคลสิ่งของมีค่าไว้ในองค์พระพุทธรูปด้วย และในช่วงระยะเวลาที่ช่างกำลังปั้นองค์พระ จะต้องมีการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ตลอดทั้งคืนจนสว่างด้วย โดยทั่วไปพระเจ้าทันใจนิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แต่ก็มีวัดที่มีการสร้างหลวงพ่อทันใจที่มีพระพุทธลักษณะต่างจากที่อื่น จะอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่องค์พระมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปประทับยืน พระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันอยู่เบื้องหน้า

                ประวัติศาสตร์วัดพระธาตุดอยคำ ตามตำนานเล่าว่า เดิมมีชื่อว่า วัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดดอยคำ”สาเหตุที่ได้ชื่อว่าดอยคำนั้น เกิดเนื่องมาจากศุภนิมิตของยักษ์ปู่ทั้งสองได้รับพระเกศาธาตุจากพระพุทธเจ้า แล้วเกิดฝนตกหนักหลายวัน ทำให้น้ำฝนเซาะ ได้พัดพาแร่ทองคำบนไหล่เขาและลำห้วยไหลลงสู่ปากถ้ำเป็นจำนวนมาก จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “ดอยคำ”

    วัดพระธาตุดอยคำตั้งอยู่บนเทือกเขาถนนธงชัย เป็นวัดสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ เป็นดอยที่ไม่สูงมากนักห่างตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 10 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับที่ราบเชียงใหม่ราว 140 เมตร และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 465 เมตร วัดพระธาตุดอยคำมีลานชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองเชียงใหม่

    จากตำนานหลายฉบับยังได้กล่าวถึงที่มาประวัติศาสตร์วัดพระธาตุดอยคำไว้ว่า “พระธาตุดอยคำ” แห่งนี้ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์สองผัวเมียที่มีชื่อว่า“จิคำ และ ตาเขียว” มาก่อน ซึ่งต่อมาชาวบ้านได้เรียกยักษ์ทั้งสองนี้ว่า “ปู่แสะ ย่าแสะ” และปู่แสะย่าแสะมีบุตร 1 คน ชื่อว่า “สุเทวฤๅษี” โดยมีเทวดาได้นำพระเกศาธาตุที่พระพุทธเจ้าได้ประทานแก่ปู่แสะและย่าแสะ นำขึ้นมาฝังและก่อสถูปไว้บนดอยแห่งนี้

    สำหรับประวัติการสร้างวัดพระธาตุดอยคำนี้สร้างในปี พ.ศ. 1230 รัชสมัย “พระนางจามเทวี” กษัตริย์แห่งเมืองหริภุญชัยนคร (ปัจจุบันคือจังหวัดลำพูน) โดยพระโอรสแฝดของพระนางจามเทวีคือเจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศเป็นผู้สร้างทั้ง 2พระองค์ได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ครอบพระสถูปเกศาไว้ ต่อมาจึงได้ประดิษฐานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าส่วนพระเจดีย์แห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงทางทิศเหนือของดอยคำที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน คือ พระธาตุดอยสุเทพซึ่งวัดดอยคำนั้น เดิมเป็นวัดร้าง แต่ต่อมาได้เกิดเหตุกรุแตกชาวบ้านไปพบโบราณวัตถุจำนวนมากมายหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ต่อมาจึงได้นำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ

    วัดพระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการะบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตาก่อนที่จะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่อีกด้วย และวันแรม 7 ค่ำ 8 ค่ำ หลังวันวิสาขบูชาทุกปี จะเป็นวันสรงน้ำพระธาตุ ซึ่งถือว่าเป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า(หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) จึงถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ หรือเดือน 6 ของไทย ดังนั้น ทางวัดพระธาตุดอยคำจึงได้ยึดถือเอาวันดังกล่าวนี้จัดงานและพิธีสรงน้ำเพื่อรำลึกนึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ที่ท่านได้สร้างเผยแผ่เผยแพร่พระพุทธศาสนาเอาไว้ให้เหล่าพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาด้วยมีความเชื่อและความศรัทธามาจวบจนเท่าทุกวันนี้

    ศาลปู่แสะย่าแสะ เป็นสถานที่กราบไหว้ขอพรเป็นที่แรกก่อนขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยคำ นักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่เดินทางมายังวัดพระธาตุดอยคำจะต้องทำการสักการะปู่แสะย่าแสะก่อนเป็นที่แรก เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าปู่แสะและย่าแสะทำหน้าที่ปกป้องดูแลผืนป่าในอาณาบริเวณดอยคำ จึงเป็นที่แห่งแรกที่ใครที่จะมาวัดจำเป็นต้องให้ความเคารพผู้ปกปักรักษาผืนดินผืนป่าบริเวณนี้ก่อนเดินทางขึ้นสู่วัดนั่นเองซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อประเพณี ปัจจุบันยังคงมีพิธีเลี้ยงผีปู่แสะย่าแสะ ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันขึ้นแรม 14 ค่ำ เดือน 9 บริเวณเชิงชายป่าด้านตะวันออกของตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพิธีนี้ชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้นเพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และเชื่อว่าจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ผลผลิตจะได้ผลดี โดยถือว่าเป็นการปัดเป่าไม่ให้สิ่งเลวร้ายมากินบ้านเมืองที่มีมาแต่โบราณตามความเชื่อความศรัทธาของชาวบ้าน

    ถัดมาบริเวณที่สร้างอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี  จากตำนานท้องถิ่นภาคเหนือเกือบทุกเล่ม ได้กล่าวไว้ตรงกันว่า ในปี พ.ศ. 1166  ท่านสุเทวฤๅษีปฏิบัติบำเพ็ญพรตอยู่หลังดอยสุเทพ วันหนึ่งท่านได้ลงมาเก็บอัฐิของบิดามารดา ก็คือ ปู่แสะ-ย่าแสะ ที่บริเวณป่าพะยอม (ปัจจุบันคือตลาดพะยอม) ทันใดนั้นสุเทวฤๅษี ท่านได้เห็นพญาเหยี่ยวที่กำลังขยุ้มทารกน้อยวัยประมาณ 3 เดือน โฉบผ่านมาพอดี ท่านจึงได้ตวาดใส่เหยี่ยวตัวนั้นทันที เหยี่ยวตกใจจึงปล่อยทารกน้อยล่องลอยตกลงมายังพื้นดิน  เดชะบุญตรงนั้นเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ใกล้เชิงดอยคำ และเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งเมื่อดอกบัวใหญ่ในสระน้ำได้อ้ากลีบออกรับทารกน้อยนั้นไว้ไม่ให้ตกลงพื้นน้ำ สุเทวฤๅษีก็เกิดความมหัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงรับทารกน้อยวัย 3 เดือนมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม โดยให้เรียนสรรพวิชาทั้งมวลจนหมดสิ้น รวมถึงศิลปะวิทยาการทำศึก หรือตำราพิไชยสงครามและดนตรีทุกอย่างจนกระทั่งทารกน้อยนั้นได้เจริญวัยครบ 13 ปี  สุเทวฤๅษีจึงต่อเรือยนต์นำกุมารีน้อยพร้อมด้วยฝูงวานรจำนวนหนึ่งเป็นบริวารใส่ลงไปในเรือยนต์ ปล่อยไหลล่องลอยไปตามลำน้ำปิงจนถึงเมืองละโว้ (จังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน) และลอยมาถึงท่าน้ำวัดเชิงท่าซึ่งตำนานบางเล่มสันนิษฐานว่า คือ วัดชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เมื่อพระเจ้าเมืองละโว้และมเหสีทรงได้เห็นกุมารีน้อยที่มีพระสิริโฉมงดงามและมีสิริลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นผู้มีบุญ จึงได้นำไปเลี้ยงไว้ในพระราชวัง และตั้งเป็นราชธิดา มีนามว่า “จามเทวีกุมารี” และให้ศึกษาศิลปะวิทยาการตำราพิไชยสงคราม และดนตรีทุกอย่าง จนกระทั่งจามเทวีกุมารี มีพระชนมายุได้ 24 พรรษา เจ้าเมืองละโว้จึงให้สมรสกับเจ้าชายราม แห่งนครรามบุรี

         ปี พ.ศ. 1190 รามบุรีเป็นเมืองขึ้นและเมืองหน้าด่านของขอม ปัจจุบันคือ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ใน พ.ศ. 1204 พระเจ้ากรุงละโว้จึงทรงแต่งตั้งให้พระนางจามเทวี ขึ้นครองเมืองหริภุญชัย ตามคำเชิญของสุเทวฤๅษี และสุทันตฤๅษี  ซึ่งขณะนั้นพระนางมีพระชนม์ได้ 38 พรรษา

                ข้อมูลทั่วไป : วัดพระธาตุดอยคำ ตั้งอยู่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์053-248604 , 053-248607

                ขอขอบคุณผู้สนับสนุนและอภินันทการจาก :องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เป็นองค์การมหาชนของไทย สังกัด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2546

    อพท. มีหน้าที่บริหารและพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ เป็นองค์กรกลางทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ และประสานงานกับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวให้มีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพ

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • ชุมชนบ้านแหลม ท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสสองฝั่งลำน้ำ จ.สุพรรณบุรี

    ชุมชนบ้านแหลม ท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสสองฝั่งลำน้ำ จ.สุพรรณบุรี

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    ชุมชนบ้านแหลม ชีวิตชุมชนริมแม่น้ำสุพรรณบุรี ได้ไปสัมผัสสองฝั่งลำน้ำเรียงรายไปด้วยบ้านทรงไทยโบราณ และวัดเก่าแก่ วิถีชีวิตดั้งเดิมยังมีให้ได้สัมผัส

    แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีประวัติศาสตร์วิถีชีวิตชุมชนริมแม่น้ำสุพรรณบุรี เที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ได้มีโอกาสได้ไปสัมผัสบ้านเรือนไทย เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำสุพรรณ (ท่าจีน ) ตลอดสองฝั่งลำน้ำเรียงรายไปด้วยบ้านทรงไทยโบราณ และวัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน ภาพวิถีชีวิตดั้งเดิมเมื่อเกือบร้อยปี ยังมีให้ได้สัมผัส เหมือนย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง นอกจากภาพวิถีที่งดงามแล้ว ยังมีของดีที่ต้องบอกต่อ เช่น การสาธิตทำธูปสมุนไพรหลากสีประจำวันเกิด./ ขนมทองพับ./ น้ำพริกเผาโบราณ./ ต้มโคล้งปลาม้า มาเที่ยวแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตชุมชนริมแม่น้ำสุพรรณบุรี สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ต้องล่องเรือตามรอยเสด็จประพาสต้นรัชกาลที่ 5 ย้อนรอยนิราศสุพรรณ สุนทรภู่ ชุมชนบ้านแหลมยังมีสินค้าโอท็อปที่รวมตัวกัน ต้องแวะไปกันนะ แล้วจะไม่ผิดหวัง

    กิจกรรมท่องเที่ยว ล่องเรือทานอาหารแวะไหว้พระวัดตามรอยเสด็จประพาสต้น ครั้งแรก ร.ศ.๑๒๓ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕\ย้อนรอยนิราศสุพรรณ กวีเอกของโลกสุนทรภู่ พ.ศ.๒๓๗๔ / สัมผัสเรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวืตวิถีไทยกับสายน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวก 1. โฮมสเตย์ 2. ล่องเรือ

    • ที่อยู่ : ศูนย์ประสานงานบริการนักท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม( บ้านสวนแผ่นดินแม่ 147/1 หมู่ 5 ต.บ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี 72150
    • ชื่อผู้ติดต่อ : นายโสภณ พันธุ เบอร์โทรศัพท์ 0800737397 Email.[email protected] Website.: www.suphan.biz/banleam.html
    • เวลาทำการ. 8.00-18.00
    • ที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/UEqWrmSmQp73UDFj9

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • พระราชวังจันทน์ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ จ.พิษณุโลก

    พระราชวังจันทน์ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ จ.พิษณุโลก

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    พระราชวังจันทน์ ศูนย์ประวัติศาสตร์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ จดทะเบียนเป็นโบราณสถานมีความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน

           HOW TO เที่ยว เจอนี่เจอนั่น เที่ยว “พระราชวังจันทร์” เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟหรือขับรถส่วนตัวไปย้อนกลับไปสัมผัสประวัติศาสตร์เยี่ยมชมถิ่นกำเนิดพระนเรศวรมหาราช ที่พระราชวังจันทร์ เมืองพิษนุโลกกันค่ะ ตั้งต้นจากสถานีรถไฟหัวลำโพง นั่งตรงยาว 7 ชั่วโมงไปยังพิษณุโลก     ตั๋วราคาประมาณ 179 บาท เมื่อถึงสถานีรถไฟพิษณุโลก เดินทางไปอีกเพียง 8 นาที ก็จะถึงพระราชวังจันทร์สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองพิษณุโลก

           ที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดของแต่พระนเรศวรมหาราชที่ทุกคนรู้จักกันดีพระราชวังจันทร์ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยในรัชสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) แต่เดิมเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน จนกระทั่งสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสังเวยเทพารักษ์และค้นพบพระราชวังจันทร์หรือพระที่นั่งจันทรพิศาลในสมัยนั้น

           ปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยจังหวัดพิศนุโลก บริเวณโดยรอบประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย ให้เราเลือกชมได้ตามอัธยาศัย ซึ่งแต่ละที่นั้นก็มีความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน 

    เริ่มต้นกันสถานที่แห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก นั่นก็คือที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นศาลาทรงไทยตรีมุขคอนกรีตเสริมเหล็ก กรมศิลปากรได้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 ภายในประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย

           สถานที่ต่อมา ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทร์ ถือเป็นแหล่งข้อมูลบอกเล่าความเป็นมาของเมืองพิษณุโลกในอดีตจนถึงปัจจุบันโดยภายในจัดเป็นห้องนิทัศการณ์ให้ทุกท่านได้เดินชม

           ซึ่งบริเวณโดยรอบพระราชวังจันทร์ประกอบด้วยวัดอยู่รอบทิศ ได้แก่ วัดวิหารทอง, วัดศรีสุคต,  วัดโพธิ์ทอง, และ วัดศรีสุคตและยังมีสระน้ำโบราณคู่เมืองพิษณุโลกอย่างสระสองห้อง ไว้ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และถ่ายรูปกับพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นถือเป็นการจบทริปอย่างสวยงาม

    • การเข้าชมพระราชวังจันทน์ : เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน  09.00-16.00 น.
    • ที่อยู่ :  ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก พิษณุโลก 65000  
    • ชื่อผู้ติดต่อ: พระราชวังจันทน์
    • เบอร์โทรศัพท์:  055 247 304
    • website :  https://www.museumthailand.com/th/museum/Phrarachwangcanthn
    • Social Media (Facebook) :  
    • กิจกรรมท่องเที่ยว: ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก,ประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาช
    • สิ่งอำนวยความสะดวก: ห้องน้ำ,ที่จอดรถ
    • แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง :  วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร,วัดวิหารทอง,ศาลหลักเมืองพิษณุโลก
    • เวลาทำการ:  09.00-16.00 น. ( เข้าชมฟรี )
    • ตำแหน่งที่ตั้ง (ลิงค์จาก Google Map) :  https://goo.gl/maps/eEkDqCLYGvFpbWQWA

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • บ้านนาต้นจั่น ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

    บ้านนาต้นจั่น ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    บ้านนาต้นจั่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ในเชิงอนุรักษ์ ได้ท่องเที่ยวสัมผัสกับธรรมชาติแบบครบวงจร ทำกิจกรรมร่วมกันเรียนรู้วิถีชีวิตตามชุมชน

    บ้านนาต้นจั่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ของคนในชุมชน ในเชิงอนุรักษ์ ได้ท่องเที่ยวสัมผัสกับธรรมชาติแบบครบวงจร  โดยได้จัดเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยว ได้มาพักร่วมกับเจ้าของบ้าน ทำกิจกรรมร่วมกันเรียนรู้วิถีชีวิตตามชุมชน 

    พาแวะทานข้าวเปิ๊บ อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านข้าวเปิ๊บ เป็นจุดแรกที่ทุกคนต้องผ่าน หากต้องการ ไปชมจุด อื่นเพิ่มเติมในหมู่บ้านสามารถติดต่อไกด์นำเที่ยวตามจุดต่างๆได้ที่นี่  ข้าวเปิ๊บ หรือ ก๋วยเตี๋ยวพระร่วงอันเลืองชื่อ หากไม่ได้ชิมข้าวเปิ๊บ ถือว่ายังมาไม่ถึงบ้านนาต้นจั่น สมัยก่อนชาวบ้านอยากกินก๋วยเตี๋ยวแบบคนในเมืองแต่แถวนี้ไม่มีขาย เมนูนี้จึงเกิดขึ้นมา

    ไปต่อกันที่วิถีชุมชนในหมู่บ้าน ชมสวนผลไม้และท้องทุ่ง โดยสามารถเช่าจักรยานได้ในราคาคันละ 30 บาท พร้อมไกด์ชุมชนนำทาง ไปชมสวนผลไม้ของชาวบ้าน กล้วย ลางสาด ทุเรียน ตามฤดูกาล หากมาในช่วงฤดูของการทำนา ก็จะได้ชมบรรยากาศของไร่นาเขียวขจีตลอดสองข้างทางช่วงเวลาที่ทำนา คือ เดือน ส.ค – ต.ค.

    และแวะไปเรียนรู้การทำผ้าหมักโคลน ชมผลิตภันฑ์จากผ้าหมักโคลน  ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของชุมชนบ้านนาต้นจั่น ชมสาธิตการทอผ้า การทำผ้าหมักโคลน และเลือกซื้อจับจ่ายผลิตภัณฑ์ภายในศูนย์ได้ตามอัธยาศัย  ผ้าหมักโคลนเกิดจากในสมัยก่อนเมื่อชาวบ้านไปทำไร่ไถนาก็นุ่งผ้าถุงเวลาเดินชายผ้าก็ติดโคลนตม เมื่อกลับถึงบ้านและซักผ้าตากไว้ ก็สังเกตได้ว่าชายผ้านั้นนุ่มเป็นพิเศษและมีสีทึบทึมลง ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบจึงได้ทดลองเอาผ้าทั้งผืนมาหมักโคลนทิ้งไว้ ก็พบว่าโคลนนี่เองที่ทำให้ผ้านิ่ม นี่จึงเป็นที่มาของผ้าหมักโคลน และสีที่ใช้ก็เป็นสีจากธรรมชาติ เช่น  ใบหูกวาง สีเขียวครีม เปลือกมังคุดสีม่วง  ใบสะเดาสีโอลด์โรส  เปลือกใบมะม่วง สีเขียวแก่ ใบจั่นสีเขียวอ่อน แก่นขนุนสีเหลือง สะเดาสีกะปิ ลูกมะเกลือสีดำไม้เพกาสีเหลืองใบไผ่ ไม้ฝางสีแดงอมฝาด

    • ที่อยู่ :  ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
    • ชื่อผู้ติดต่อ  :   ชุมชนบ้านนาต้นจั่น
    • เบอร์โทรศัพท์  :  088-4957738 /089-8851639
    • Website  :  www.homestaynatonchan.blogspot.com
    • Social Media (Facebook) :  https://www.facebook.com/HomeStayBannaTonChan/
    • กิจกรรมท่องเที่ยว : มาที่บ้านนาต้นจั่นจะได้สัมผัสความเป็นวิถีชีวิตวัฒนธรรมชุมชน  พร้อมสัมผัสธรรมชาติ พักแบบโฮมสเตย์ เรียนรู้การทำผ้าหมักโคลน แต่อย่าลืมแวะทานข้าวเปิ๊บ อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ หรือ ก๋วยเตี๋ยวพระร่วงอันเลืองชื่อ  และต่อกันที่วิถีชุมชนในหมู่บ้านเข้าสวนชิมผลไม้และท้องทุ่งนาเขียวขจี

    มาตรฐาน/รางวัลที่ได้รับ

    • รางวัล  PATA GOLD AWARDS 2012 ประเภท Heritage and culture จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
    • รางวัลยอดเยี่ยมประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว Tourism Award 2013 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
    • ชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยววิถีไทย
    • รางวัล Thailand Homestay Standard 
    • ศูนย์เรียนรู้การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    • รางวัลประเภทเกียรติคุณรางวัลสิงห์ทอง ระดับจังหวัด ปี 2558
    • หมู่บ้านหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็นเป็นสุข”

    สิ่งอำนวยความสะดวก :

    • โฮมสเตย์
    • ปั้นจักรยาน

    แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง :

    • ข้าวเปิ๊บยายเที่ยง
    • ข้าวเปิ๊บล้มยักษ์
    • การทำผ้าหมักโคลน
    • ขี่จักรยานชมวิวทิวทัศน์ท้องทุ่งรอบหมู่บ้าน
    • โฮมสเตย์

    เวลาทำการ : ทุกวัน

    ตำแหน่งที่ตั้ง (ลิงค์จาก Google Map) https://goo.gl/maps/xNjbgdj4qxxJsCdV6

    ผู้จัดทำข้อมูล : นายโกเมศ ช่วยบุญ

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • “เกาะลังกาจิว” เดิน เที่ยว ดำน้ำดูประการัง จ.ชุมพร

    “เกาะลังกาจิว” เดิน เที่ยว ดำน้ำดูประการัง จ.ชุมพร

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    เกาะลังกาจิว มีชายหาดที่สวยงาม ถ้าใครได้ไปสัมผัสจะต้องหลงไหล ทะเล. หาดทราย สายลม แสงแดดและเสียงคลื่นกระทบฝั่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

     เกาะลังกาจิว เป็นเกาะสัมปทานรังนกอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เป็นเกาะที่มีชายหาดสวยงาม และมีแนวปะการังแบบชายฝั่งปรากฏบริเวณด้านตะวันตกของเกาะมีสภาพสมบูรณ์ดีมาก ส่วนด้านอื่นๆ เป็นโขดหินสามารถพบปะการังได้บ้างเล็กน้อย รวมเป็นพื้นที่แนวปะการัง ทั้งสิ้น 0.025 ตารางกิโลเมตร  

    จุดเด่นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งบนเกาะลังกาจิวนี้ก็คือลายฝีพระหัตถ์จารึก จปร. และ ร.ศ. จำหลักอยู่บนแผ่นหินบริเวณด้านหน้าปากทางเข้าถ้ำนกนางแอ่นจึงเป็นที่สันนิษฐานกันว่า ในอดีตเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสผ่านมายังเกาะลังกาจิวแห่งนี้เมื่อร.ศ.117-118      

    เกาะลังกาจิว  เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่โดดเด่นมาก  เพราะเป็นที่สัมปทานรังนก เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปท่องเที่ยวบนเกาะได้ตั้งแต่เวลา  08.00-17.00 น.  หลังจากนั้นจะไม่อนุญาตให้ขึ้นไปท่องเที่ยวบนเกาะโดยเด็ดขาดนอกจากนี้ในบางเดือนที่อยู่ในฤดูที่นกนางแอ่นกำลังทำรังหรืออยู่ในระหว่างการเก็บรังนก ซึ่งในช่วงเวลานี้อาจจะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปท่องเที่ยวบนเกาะเพราะจะทำให้นกนางแอ่นตกใจกลัวทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้เช่าสัมปทานได้

    เกาะลังกาจิว เป็นเกาะที่ขึ้นชื่อและสวยงามมาก นักท่องเที่ยวก็สามารถขึ้นไปเดินเที่ยวชายหาด หรือดำน้ำ ชมปะการัง และดูฝูงปลานานาชนิดได้  บนเกาะลังกาจิว มีชายหาดที่สวยงาม ถ้าใครได้ไปสัมผัสจะต้องหลงไหล ทะเล. หาดทราย สายลมแสงแดดและเสียงคลื่นกระทบฝั่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย 

    ที่อยู่ : ตำบล หาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร ชุมพร

    ชื่อผู้ติดต่อ:  องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร โทรศัพท์  :  077-503035 FAX. 077-503035

    Email :  [email protected]

    Website: http://www.chppao.go.th/travel_activity/detail/24/data.html: 

    กิจกรรมท่องเที่ยว :   – ดำน้ำดูประการัง – จุดชมวิว – ถ่ายรูป

    แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง :  – หาดทรายรี – กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

    เวลาทำการ: ทุกวัน 08.00-17.00 น.

    ตำแหน่งที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/vDnjfTHpxFkNnKJw7


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว สถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส จ.ภูเก็ต

    พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว สถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส จ.ภูเก็ต

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว แสดงสิ่งของ หนังสือ ภาพถ่ายของโรงเรียนภูเก็ตไทยหัว แสดงความเป็นมาของชาวจีน ชุดแต่งกายประจำถิ่น อาหารพื้นเมือง เทศกาลงานประเพณี และภาพถ่ายเก่าแก่

                    พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหั จากโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งชาวจีนฮกเกี้ยนบรรพบุรุษชาวจีนรุ่นแรก ที่อพยพมาอยู่ที่ภูเก็ตได้ร่วมกัน ตั้งขึ้นปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมของชาวภูเก็ต เพื่อรวบรวมความเป็นมาของภูเก็ตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2447 โดยเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

                    พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว ได้รับการออกแบบอาคารให้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส ซึ่งเป็นรูปแบบทั่วไปในย่านเมืองเก่าภูเก็ต มีผังอาคารเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบสมมาตรล้อมลาน กลางอาคารที่ตรงกับช่องเปิดโล่งในหลังคา หลังคาเป็นหลังคาปั้นหยาผสมหลังคาจั่ว มุงกระเบื้องกาบกล้วยดินเผา

                    ภายในพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวมีการจัดแสดงภาพถ่ายเก่าๆ ของโรงเรียน ส่วนภายในอาคารจัดแสดงสิ่งของ หนังสือ ภาพถ่ายและเรื่องราวต่างๆ ของโรงเรียนภูเก็ตไทยหัว มีห้องนิทรรศการภาพ แสดงความเป็นมาของชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ ภูเก็ต บุคคลสำคัญของภูเก็ต ชุดแต่งกายประจำถิ่น อาหารพื้นเมือง เทศกาลงานประเพณี และภาพถ่ายเก่าแก่ที่แสดงความเป็นมา ด้านเศรษฐกิจของภูเก็ตตั้งแต่ยุคเหมือง แร่ การทำสวนยางพารา และการท่องเที่ยว

                    พิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงเป็น 15 ส่วน ประกอบด้วย

    •  ห้องจากแดนพญามังกร
    •  สายธารสัมพันธ์
    • สัมพันธ์ภูเก็ตจีน
    •  น้ำใจพี่น้อง
    •   ดูอดีต           
    •   วิถี
    •  หนึ่งยุคสมัย
    •  สีสันพันกาย
    •  ครูสุ่นปิ่น
    •  โรงเรียนจีน
    •  คนจีนสร้างเมือง
    • สืบทอด
    • วัฒนธรรมการกิน
    • ล๊อกเซี่ยนก๊ก  
    •   กิจกรรม

                    สำหรับพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. อัตราค่าเข้าชมนักท่องเที่ยวชาวไทยคนละ 50 บาท นักเรียนคนละ 25 บาท นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ 200 บาท นักบวช พระภิกษุ สามเณร ผู้ทุพพลภาพ เยาวชนไทยและต่างชาติ ส่วนสูงต่ำกว่า 100 เซนติเมตร และ มัคคุเทศก์แสดงบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ที่ออกโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เว้นค่าเข้าชม

    • ที่อยู่ :   28 ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000
    • ชื่อผู้ติดต่อ: พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว
    • เบอร์โทรศัพท์ : 076-211-224
    • Email : [email protected]
    • เว็บไซต์  : https://thaihuamuseum.com/
    • Social Media (Facebook): https://www.facebook.com/PhuketThaihuaMuseum
    • กิจกรรมท่องเที่ยว: แหล่งเรียนรู้ชุมชน , ศึกษาและเรียนรู้วิถีชาวจีนฮกเกี้ยน , เรียนรู้เรื่องราวชาวจีนประเพณีวิถีชนอาชีพและภูมิปัญญา , ภาพถ่ายเก่าแก่ที่แสดงความเป็นมา 
    • สิ่งอำนวยความสะดวก : ลานจอดรถ , ห้องน้ำ
    • แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง : ย่านเมืองเก่าภูเก็ต , Street Art  , Woo Gallery & Boutique Hotel  , วัดพระทอง (วัดพระผุด) , วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง)
    • เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.
    • ตำแหน่งที่ตั้ง (ลิงค์จาก Google Map): https://goo.gl/maps/6Q4MRt95veLXE2qD6

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • เกาะไผ่ น้ำทะเลสีคราม  หาดทรายขาว จ.กระบี่

    เกาะไผ่ น้ำทะเลสีคราม หาดทรายขาว จ.กระบี่

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    เกาะไผ่ จังหวัดกระบี่ น้ำทะเลเป็นสีเขียวใส หาดทรายก็ขาวเนียนละเอียด ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินเล่นริมหาด เล่นน้ำ ถ่ายภาพ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยดงปะการัง

                ท่ามกลางหมู่เกาะมากมาย ในทะเลอันดามัน ยังมีอีกหนึ่งเกาะเล็กๆแต่อุดมไปด้วยความสวยงาม ไม่แพ้หมู่เกาะอื่นๆ  เกาะไม้ไผ่ หรือเป็นเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่กลางทะเล อยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตามเส้นทางไปเกาะพีพีอยู่ก่อนถึงเกาะพีพีประมาณ 3 กิโลเมตร ชายหาดที่สวยงามของเกาะ จะอยู่ฝั่งทิศเหนือยาวมาถึงฝั่งทิศตะวันออก สามารถเดินวนได้รอบเกาะได้ ที่ เกาะไผ่ จังหวัดกระบี่

                น้ำทะเลที่บริเวณเกาะไผ่มีสีฟ้า สีเขียวใส หาดทรายก็ขาวเนียนละเอียด ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินเล่นริมหาด เล่นน้ำ ถ่ายภาพ และดำน้ำดูปะการัง ซึ่งที่นี่มีปะการังหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่จะอยู่ทางทิศใต้ของเกาะ และได้รับการขนานนามว่า “ดงปะการังแสนไร่ ซึ่งอยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติ บนเกาะจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ห้องน้ำ และลานกางเต็นท์ ที่มีเต็นท์ของทางอุทยานกางไว้ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการไปพักบนเกาะ ลงใต้ไปสัมผัสทะเล เกาะไผ่ จังหวัดกระบี่

    เกาะไผ่จังหวัดกระบี่จังหวัดกระบี่ ส่วนการเดินทางก็แสนง่ายถ้ามาจากฝั่งกระบี่จะมีบริการทัวร์ One day trip เกาะพีพี โดยแวะเกาะไม้ไผ่เป็นสถานที่สุดท้าย เดินทางด้วยเรือ speed boat เรือออกจากอ่าวนาง-หาดนพรัตน์ ค่าทัวร์คนละ 1,100 – 1,200 บาท หรือจะเหมาเรือหางยาวจากอ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน ราคาประมาณ 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนคนและจำนวนจุดที่แวะเที่ยวชม ค่าบริการเข้าชมเกาะอยู่อยู่ที่ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท และ ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

    • ที่ตั้ง :  ตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่
    • ชื่อผู้ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี  จังหวัดกระบี่
    • เบอร์โทรศัพท์ :  0-7566-1145 Fax : 0-7566-1145
    • Website:  http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1047S
    • กิจกรรมท่องเที่ยว:  ท่องเที่ยว, ล่องเรือ, เล่นน้ำ, ดูปะการัง, พักผ่อนบนชายหาด, ถ่ายรูป
    • สิ่งอำนวยความสะดวก :  บนเกาะไผ่ มีห้องน้ำ – ห้องสุขา ของอุทยานแห่งชาติ สำหรับบริการนักท่องเที่ยว
    • มีร้านสวัสดิการเล็กๆ ที่ขายขนมและน้ำ และมีอาหารจานเดียวจำหน่าย (แต่เพื่อความสะดวก แนะนำให้นำอาหารติดตัวมาด้วยจะสะดวกกว่า
    • มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกบนเกาะ มีจุดเล่นน้ำ ดำน้ำตื้น โดยให้เล่นน้ำในบริเวณทุ่นไข่ปลาเท่านั้น
    • จากฝั่งกระบี่ :  มีบริการทัวร์ One day trip เกาะพีพี  โดยเดินทางด้วยเรือ Speed boat เรือออกจากอ่าวนาง หรือออกจากหาดนพรัตน์ธารา ค่าทัวร์คนละ 1,100 – 1,200 บาท (ไม่รวมค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
    • จากเกาะพีพี :  เหมาเรือหางยาวจากอ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน ราคาประมาณ 3,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับจำนวนคน และจำนวนจุดที่จะแวะเที่ยวชม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
    • แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง :  ถ้ำไวกิ้ง อ่าวปิเละ อ่าวลิง อ่าวนุ้ย เกาะพีพีดอน
    • เวลาทำการ :    08.00-16.30 น. ( ทุกวัน )
    • ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่เหมาะสมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี
    • ตำแหน่งที่ตั้ง (ลิงค์จาก Google Map):  https://goo.gl/maps/VnYt3M2ndVkx5bGJ8

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • จุดชมวิวควนนกเต้น@พัทลุง บรรยากาศสวย วิวหลักล้าน

    จุดชมวิวควนนกเต้น@พัทลุง บรรยากาศสวย วิวหลักล้าน

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    จุดชมวิวควนนกเต้น@พัทลุง ชมธรรมชาติของฝืนป่าเขาบรรทัดพัทลุง มุมพักผ่อน มุมผ่อนคลาย ชมวิว 360 องศา ที่โอบล้อมไปด้วยฝืนป่าลมพัดเย็นบางเบา

            จุดชมวิวควนนกเต้น @พัทลุง บรรยากาศสวย วิวหลักล้าน อากาศสดชื่น บรรยากาศดีมากกก เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ หากคิดถึงสายหมอก ทะเลหมอก ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝนก็ยังคงเหมาะและรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง บรรยากาศหน้าฝน หมอกฝนบางๆ ริมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัดพัทลุง ยังคงสวยเสมอ และเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ในหลายจุด

            วันนี้ขอแนะนำเที่ยวช่วงหน้าฝน ชมธรรมชาติของฝืนป่าเขาบรรทัดพัทลุง ที่ควนสวรรค์ตาแก้ว ท้องที่ ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง มุมพักผ่อน มุมผ่อนคลาย ชมวิว 360 องศา ที่โอบล้อมไปด้วยฝืนป่า สายฝนโปรย ลมพัดเย็นบางเบา บอกเลยว่าฟินสุดๆๆๆ ตอนเช้าๆ ก็ฟินไปกับบรรยากาศทะเลหมอก นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น จิบกาแฟ ใครว่าหน้าฝนเที่ยวไม่สนุกบอกเลยว่าสุดๆๆ ค่ะ

            และขอแนะนำต้องกินอาหารร้อนๆ ที่เหมาะกับบรรยากาศ ที่นี่มีกระทะร้อนลอยฟ้า ไว้คอยบริการทักท่องเที่ยวยามเย็นและยามค่ำคืน ไว้คอยบริการ แต่การกินกระทะร้อน กินท่ามกลางธรรมชาติและบนยอดเขาสูงทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง กลิ่นโชยไปตามกระแสลม ทำให้ชวนรับประทาน

             และยังบริการที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว  ห้องพักสะดวกสบาย สไตล์แบบบ้านๆ หลากหลายให้เลือกพัก ห้องพักออกแบบสวย ดีไซน์ดูดี มีเสน่ห์ และติดกับน้ำตกบรรยากดีเลิศค่ะ ต้องไปสัมผัสกันค่ะนะ บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ  อากาศดีเย็นสบาย นึกถึง “ควนนกเต้น”   เที่ยวไทยเที่ยวพัทลุงเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ชาวพัทลุงรอต้อนรับทุกคนค่ะ หมอกฝนบางๆ ริมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัดพัทลุง ยังคงสวยเสมอ และเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ   ของมุมท่องเที่ยวธรรมชาติในพื้นที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง

    • ที่อยู่ : หมู่ที่ 4 ตำบลคลองทรายขาว อำเภอ กงหรา จังหวัด พัทลุง ติดต่อเข้าชม 066-1369990
    • ผู้ติดต่อ : จุดชมวิวควนนกเต้น @พัทลุง
      เบอร์โทรศัพท์ :   066-1369990
      Social Media (Facebook) :  https://www.facebook.com/nongpatthalung
      • กิจกรรมท่องเที่ยว :
      • เดินขึ้นไปบนเขา มีชาวบ้านขับรถขึ้นไปส่ง
      • ชมมหัศจรรย์ทะเลหมอก
      • ถ่ายภาพ
    • แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง :  
      • น้ำตกปากราง
      • น้ำตกหนานสูง
      • หนำโกแจ็ค
      • น้ำตกหนานหรูด
      • เกาะนารอบโฮมสเตย์
      • สวนเสเมี่ยงปลาเผา
      • ภูรุ่งแจ้ง
      • ควนสวนย่า
      • ควนสวรรค์ตาแก้ว
      • บ้านไม้ชายเขาโฮมสเตย์
    • สิ่งอำนวยความสะดวก  :
      • ร้านอาหาร
      • ห้องน้ำ
      • โฮมสเตย์ สถานที่กางเต้นท์
      • ที่จอดรถ
    • เวลาทำการ : ทุกวัน
    • ตำแหน่งที่ตั้ง (ลิงค์จาก Google Map):    https://goo.gl/maps/ooCnGWKjCj6RzXDS6

    ขอขอบคุณ : จุดชมวิวควนนกเต้น@พัทลุง

    ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ
  • อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เตรียมเปิด 15 ต.ค.2563

    อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เตรียมเปิด 15 ต.ค.2563

    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

    อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จะทำการเปิดเกาะรับการท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 นี้ พร้อมเปิดทดลองระบบการสแกนคิวอาร์โค้ด

            อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี หรือมลายู แปลว่า “เก้า” จึงมีชื่อเรียกกันว่า หมู่เกาะสิมิลัน หรือเกาะเก้า ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เกาะทั้งเก้าเรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง
            นับถอยหลัง…อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เตรียมเปิดให้เข้าเที่ยวแบบใหม่ New Normal 15 ตุลาคมนี้

            หลังจากที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติได้มีคำส่งให้ทำการปิดเกาะสิมิลัน งดการท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วง COVID-19 ระบาดในเมืองไทยที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวทุกคนต่างเฝ้ารอคอยจะได้กลับไปเยี่ยมเยือนความสวยงามของสวรรค์กลางทะเลแห่งนี้อีกครั้ง วันนี้มีข่าวดีมาบอก เพราะทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันจะทำการเปิดเกาะรับการท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 นี้ พร้อมเปิดทดลองระบบการสแกนคิวอาร์โค้ด และระบบคัดกรองก่อนขึ้นเกาะ

            โดยการเปิดเกาะในครั้งนี้จะมีความพิเศษกว่าครั้งไหนๆ การท่องเที่ยวแบบ New Normal และคุณจะได้เที่ยวเกาะสิมิลันในเวอร์ชันที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นคุณจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เพิ่งจะฟื้นฟูมาได้อย่างเต็มที่ โดยไร้ซึ่งความวุ่นวาย เกาะสิมิลันนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหมู่เกาะที่สวยงามที่สุดของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชม หากมีโอกาสสักครั้งตุลาคมนี้ลองไปเที่ยวกันดูครับรับรองว่าสวยงามประทับใจอย่างแน่นอน

            อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เปิดการท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี และปิดการพักค้างแรมบนเกาะ ยกเว้นกิจกรรมดำน้ำลึก สามารถพักค้างบนเรือได้เท่านั้น

            การมาท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันจะต้องซื้อบัตรค่าบริการล่วงหน้า เนื่องจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 3,325 คน/วัน สำหรับกิจกรรมแบบไป-กลับ และ 525 คน/วัน สำหรับกิจกรรมดำน้ำลึก

            หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามทางข้อความได้ค่ะ ทางเราจะรีบตอบกลับให้เร็วที่สุด แล้วมาเจอกันวันแรก วันที่ 15 ตุลาคม 2563 นะคะ.

    อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ

    • ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
    • ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท

    **หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ

    ร้านค้าสวัสดิการ ร้านค้าสวัสดิการ (ร้านอาหาร) เปิดให้บริการทุกวันเวลา

    • เช้า 07.30 น. – 09.00 น.
    • เที่ยง 11.00 น. – 14.30 น.
    • เย็น 18.30 น. – 20.00 น.
      ร้านค้าสวัสดิการ ของที่ระลึก (น้ำดื่ม กาแฟ ขนม) เปิดให้บริการทุกวันเวลา 07.00 น. – 20.00 น.

    สัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่

    1. บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ : AIS, TRUE, DTAC
    2. บริเวณเกาะเมียง (เกาะ 4) : AIS, TRUE
    3. บริเวณเกาะห้า : AIS, TRUE
    4. บริเวณเกาะหก : AIS, TRUE
    5. บริเวณเกาะปายู (เกาะ 7) : AIS, TRUE
    6. บริเวณเกาะสิมิลัน (เกาะ 8) : DTAC
    7. บริเวณท่าเรือทับละมุ : AIS, TRUE, DTAC

    ติดต่อสอบถามที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
    โทร : 0-7645-3272 ภายในเวลาราชการ

    ที่อยู่,  อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 93 หมู่ที่ 5 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210

    ชื่อผู้ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

    โทรศัพท์ : 0 7645 3272

    โทรสาร : 0 7645 3273

    E-mail : [email protected]

    Website : http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1043

    Social media (Facebook) : https://www.facebook.com/MuKoSimilanNationalPark

    สิ่งอำนวยความสะดวก :

    แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง

    • – ประภาคาร เขาหลัก
    • – น้ำตกลำปี
    • – บ้านพัดโฮมสเตย์เขาไข่นุ้ย บังไข่

    เวลาทำการ : ทุกวัน

    ตำแหน่งที่ตั้ง ลิงก์จาก (Google Map)  : https://goo.gl/maps/wTno4c3hvEFU8e928

    ขอขอบคุณข้อมูล : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน


    ช่วยแชร์ด้วยนะคะ