@All
“อัครา” ขับเคลื่อน “พม.ใกล้คุณ” จ.ภูเก็ต พร้อมผนึกพลังเครือข่ายท้องถิ่น มุ่งคุ้มครอง-ส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล




วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นประธานเปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล ครั้งที่ 15 : “ชาวเลมั่นยืน ด้วยกฎหมายคุ้มครองชาติพันธุ์” และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าชาวเลชุมชนแหลมตุ๊กแก (เกาะสิเหร่) อีกทั้งกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “แนวทางขับเคลื่อนการส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์” , มอบความช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ตามภารกิจกระทรวง พม. เป็นเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง และถุง “ฮีล (Heal) ใจ” เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเยี่ยมชมนิทรรศการกิจกรรม ผลงาน และผลิตภัณฑ์สินค้าของกลุ่มชาติพันธุ์ หน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดภูเก็ต และภาคีเครือข่ายท้องถิ่น นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวเปราะบาง 5 ครอบครัว ที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ ในชุมชนแหลมตุ๊กแกซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล พร้อมทั้งมอบถุง “ฮีล (Heal) ใจ” เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ทั้งนี้ มีนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) คณะผู้บริหารกระทรวง พม. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานทีม “พม.ใกล้คุณ” จังหวัดภูเก็ต ภาคีเครือข่ายท้องถิ่น และกลุ่มชาติพันธุ์ เข้าร่วมงาน ณ ชุมชนแหลมตุ๊กแก ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต




นายอัครา กล่าวว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์ไม่น้อยกว่า 60 กลุ่ม และมีประชากร ประมาณ 6 ล้านคน ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่หากินบริเวณทะเลอันดามันมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันมีชุมชนชาวเล 46 ชุมชน กระจายในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา สตูล ระนอง และกระบี่ มีประชากรประมาณ 14,367 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ มอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบหลักการแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ตามแนวทางจัดทำพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษชาวเล ปัจจุบัน มีกฎหมายกำหนดให้เป็นพื้นที่คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ประเทศไทย , มีการรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของชนพื้นเมืองที่สหประชาชาติตั้งแต่ปี 2007 และมีการระบุในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 มาตรา 70 “รัฐพึงส่งเสริม และให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคม ตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุขฯ”
นายอัครา กล่าวว่า สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลประสบปัญหาเรื่องความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิเป็นของตนเอง ทั้งที่อาศัยอยู่มาอย่างยาวนาน และมีวิถีชีวิตกว่าร้อยปีในการทำข้าวไร่ มีสุสานและพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพิธีกรรม และปัญหาที่ทำกินในทะเล ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ อีกทั้งปัญหาเรื่องการศึกษาที่ขาดโอกาสในการเรียนอย่างต่อเนื่อง , ปัญหาภาษาและวัฒนธรรมที่กำลังจะสูญหาย , ปัญหาการเข้าถึงระบบสุขภาพที่ห่างไกลและภาระค่าใช้จ่ายสูง และปัญหาการไร้สัญชาติที่มีชาวเลหลายร้อยคนที่ไม่มีสัญชาติไทย โดยเฉพาะชาวเลมอแกนเกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา และชาวเลมอแกนเกาะเหลา เกาะช้าง เกาะพยาม จังหวัดระนอง
นายอัครา กล่าวว่า ทั้งนี้ หลังจากที่พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กระทรวง พม. ได้กำหนดนโยบาย “พม.ใกล้คุณ” ที่สามารถขับเคลื่อนงานตามเจตนารมณ์ของกฎหมายไปสู่การปฏิบัติสำหรับสวัสดิการสังคมของคนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งเด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ และคนพิการ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางทางสังคม ได้เข้าถึงความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ส่วนการส่งเสริมอาชีพ การรวมกลุ่ม และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายท้องถิ่น กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีนิคมสร้างตนเองทั่วประเทศ จะเข้าไปให้การสนับสนุน ส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยและความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน กระทรวง พม. โดย พอช. จะเข้าไปให้การสนับสนุน
นายอัครา กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ ตนพร้อมคณะได้มาลงพื้นที่ชุมชนแหลมตุ๊กแก (เกาะสิเหร่) จังหวัดภูเก็ต และได้เยี่ยมบ้านของครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ซึ่งพบว่าต้องเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โดยตนได้ให้นโยบายให้ปลัดกระทรวง พม. และผู้บริหารกระทรวง พม. ในเรื่องงบประมาณการซ่อมแซมบ้านเรือน และบ้านที่มีเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี ผู้สูงอายุ และคนพิการ จะได้งบประมาณช่วยเหลือ ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และกรณีชายคนพิการที่ได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจนั้น เราจะมีกายอุปกรณ์มามอบให้ เพื่อเสริมศักยภาพให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นในการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และปรับปรุงห้องน้ำสำหรับคนพิการ โดยเราใช้งบประมาณของกระทรวง พม. และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ในโครงการบ้านพอเพียงที่จะเข้ามาซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ เรายังขับเคลื่อนหลักสูตรนักบริบาลดูแลคนพิการและผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นคนใกล้ตัวในบ้านให้มีทักษะในการดูแลมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีรายได้อีกด้วย เป็นการสร้างมิติสังคมให้น่าอยู่ โดยเราจะพยายามผลักดันให้กลุ่มชาติพันธุ์ เข้ามาฝึกทักษะหลักสูตรนักบริบาล ซึ่งกระทรวง พม. จะออกหนังสือรับรอง ทำให้มีอาชีพ รายได้สามารถเลี้ยงดูครอบครัว แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งกลุ่มคนดังกล่าว และช่วยให้สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของรัฐได้
สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าชาวเลชุมชนแหลมตุ๊กแก (เกาะสิเหร่)
ตามมติ คณะรัฐมนตรี 2 มิถุนายน 2553 นั้น จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนและยกระดับการส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล “ชุมชนแหลมตุ๊กแก (เกาะสิเหร่)” ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริม วิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 โดยการลงนามความร่วมมือระหว่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต , สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) , สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต , ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองท้ายเหมือง จังหวัดพังงา , สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต , นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรัษฎา , ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) , กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ , มูลนิธิชุมชนไท , ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) , เครือข่ายชาวเลอันดามัน และชุมชนแหลมตุ๊กแก (เกาะสิเหล่)






