สธ. เข้ม 4 มาตรการดูแลกลุ่มเปราะบางจากฝุ่น PM2.5 ให้พื้นที่เสี่ยงเตรียมห้องปลอดฝุ่นกว่า 20,000 ห้อง และมุ้งสู้ฝุ่น 5,000 หลัง เน้นผู้สูงอายุ – ผู้ป่วยทางเดินหายใจ
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับเข้มข้น 4 มาตรการดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ทั้งให้ความรู้ ดูแลป้องกันผลกระทบ เปิดบริการคลินิกมลพิษ เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (PHEOC) บริหารสถานการณ์ ย้ำพื้นที่เสี่ยงเตรียมห้องปลอดฝุ่น ไม่น้อยกว่า 20,000 ห้อง จัดหามุ้งสู้ฝุ่น 5,000 หลัง แจกจ่ายกลุ่มผู้สูงอายุติดเตียงและผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ

วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2568) นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2569 และกล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนต่อสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้มอบหมายกระทรวงสาธารณสุขให้คำแนะนำประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนและการดูแลสุขภาพ การจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น จัดพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) รองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางอย่างเต็มที่ แม้ว่าในปี 2569 คาดการณ์ว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มความรุนแรงลดลง แต่ยังพบค่า PM 2.5 เกินมาตรฐานในบางพื้นที่ในช่วง ธันวาคม 2568 – กุมภาพันธ์ 2569 โดยเฉพาะปลายมกราคม ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ช่วงกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2569 เฝ้าระวังพื้นที่ภาคตะวันตก-ตะวันออก ขณะที่กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2569 โดยเฉพาะมีนาคม ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน


นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก 1.4 ล้านคน ผู้สูงอายุ 7.2 ล้านคน หญิงมีครรภ์ 1 แสนคน ผู้มีโรคหัวใจ 5 แสนคน และผู้มีโรคทางเดินหายใจ 6 แสนคน ขอให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นใน 4 มาตรการ ได้แก่ 1) สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและส่งเสริมองค์กรลดมลพิษ โดยเพิ่มประเด็นสุขภาพจิตกับพฤติกรรมเสี่ยง 2) ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเปลี่ยนระบบเฝ้าระวังสุขภาพเป็นระบบ DDS รหัสโรคตาม พ.ร.บ.โรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม, ปรับความถี่การแจ้งเตือนตามค่าฝุ่น PM2.5 คือ มากกว่า 37.5 – 75.0 มคก./ลบ.ม. วันละ 1 รอบ มากกว่า 75.0-125.0 มคก./ลบ.ม. วันละ 2 รอบ และมากกว่า 125.0 มคก./ลบ.ม. วันละ 3 รอบ พร้อมเพิ่มช่องทางสื่อสารรูปแบบ Cell Broadcast, Line Alert และ SMS Alert รวมทั้งขยายห้องปลอดฝุ่นไม่น้อยกว่า 20,000 ห้อง ในพื้นที่เสี่ยงคือ เขตสุขภาพที่ 1, 3, 4, 8, 13 ครอบคลุมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานศึกษา (เน้นในห้องเรียนอนุบาล/เตรียมอนุบาล) สถานที่เอกชน (ร้านอาหาร/ร้านกาแฟ/ โรงแรม/ที่พัก) สถานบริการสาธารณสุข โดย รพ.สต. ต้องมีอย่างน้อย 1 ห้อง และจัดหามุ้งสู้ฝุ่น 5,000 หลัง ครอบคลุมเขตสุขภาพที่ 1, 2, 3 และ 8 เน้นให้กลุ่มผู้สูงอายุติดเตียงและผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ 3) จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยเปิดคลินิกมลพิษและเวชกรรมสิ่งแวดล้อม อย่างน้อย 2 แห่งต่อจังหวัด, โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่งในพื้นที่เสี่ยงให้จัดบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อม สำรองหน้ากากอนามัยให้เพียงพอในช่วงที่มีสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และ 4) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยให้ทุกจังหวัดพื้นที่เสี่ยงที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ตามเกณฑ์ที่กำหนด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :





