ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับรถขนต่างด้าวเถื่อน ตรวจสอบในรถพบ 16 ต่างด้าว

ช่วยแชร์ด้วยนะคะ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับรถขนต่างด้าวเถื่อน ตรวจสอบในรถพบ 16 ต่างด้าว พบว่าทั้งหมดเพิ่งเคยถูกจับกุมและผลักดันกลับไปแล้ว แต่ก็ยังกลับเข้ามาอีก

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล. และ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.บก.ทล.
กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำโดย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล.,พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา สวญ.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. และ พ.ต.ท.มนัสวี กะดะแซ สว.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. ได้สั่งการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล.(สงขลา) นำโดย ร.ต.อ.ปุณณรัตน์ มุสิกรักษ์ รอง สว.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ท.พงศกร บุญรัตน์ รอง สว.(ป.) ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ต.กิตติราษฎร์ เบ็ญหมีน รอง สว.(ป.) ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ด.ต.เดชา นวลศรีชาติ ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ด.ต.ชาญชัย จันทรวงศ์เกษม ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ด.ต.อนันต์ หนูโส๊ะ ผบ.หมู่ ฯ ช่วยราชการ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., จ.ส.ต.สุริยะ ช่วยสุข ผบ.หมู่ ฯ ช่วยราชการ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. และ ด.ต.ฐิติพงษ์ สาริปา ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา
1.นายไว ยานโซ (สัญชาติเมียนมา) อายุ 32 ปี (คนขับรถ)
2.บุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 16 คน

ผู้ถูกจับที่ 1 กระทำความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม โดยรู้ว่าคนต่างด้าวเหล่านั้น เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64” และ
ผู้ถูกจับที่ 2-17 กระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81”

พร้อมของกลาง
1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ยี่ห้อ TOYATA รุ่น VIGO จำนวน 1 คัน และกุญแจรถ จำนวน 1 ดอก
2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO รุ่น V29 สี ชมพู จำนวน 1 เครื่อง

สถานที่จับกุม ทล.41 (เอเชีย) กม. ที่ 19 – 20 (ขาออก) ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร

พฤติการณ์​เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสงขลา ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันอาชญากรรมและดูแลความเรียบร้อยบนถนนทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงกิโลเมตรที่ 1222–1223 ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ขณะออกตรวจ เจ้าหน้าที่พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ขับแซงรถเจ้าหน้าที่ไปอย่างมีพิรุธ สังเกตเห็นรถดูหนักผิดปกติ อีกทั้งหมายเลขทะเบียนตรงกับข้อมูลรถต้องสงสัยที่เคยถูกบันทึกในฐานข้อมูลการข่าวของตำรวจทางหลวงสงขลา ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและส่งสัญญาณให้หยุดเพื่อตรวจสอบ เมื่อตรวจภายในรถถึงกับต้องตกใจ พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมานั่งเบียดกันอยู่เต็มคันรถจำนวน 16 คน ส่วนผู้ขับขี่เป็นชายชาวเมียนมา ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู)จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าแรงงานต่างด้าวทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงรัตภูมิเคยจับกุมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นถูกดำเนินคดีในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และถูกส่งตัวให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการผลักดันกลับประเทศพม่า ทางด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังถูกผลักดันกลับประเทศเพียง 3 วัน แรงงานกลุ่มเดิมทั้งหมดได้ลักลอบกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยใช้เส้นทางธรรมชาติบริเวณชายแดนพม่า–ไทย จุดด่านเจดีย์สามองค์จังหวัดกาญจนบุรีพร้อมว่าจ้างนายหน้าในฝั่งพม่าและไทยให้ช่วยประสานขนส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซียจากการสอบปากคำผู้ขับรถ ให้การยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าชาวพม่าผ่านคนไทยรายหนึ่ง ซึ่งเพิ่งถูกจับกุมในคดีนำพาแรงงานต่างด้าวเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้รับค่าจ้าง 1,000 บาทต่อหัว รวมเป็นเงินประมาณ 16,000 บาท เพื่อขับรถกระบะไปรับแรงงานกลุ่มนี้จากบริเวณป่าละเมาะใกล้ด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้วขับมาส่งยังพื้นที่อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ผู้ต้องหารับสารภาพเพิ่มเติมว่า ตนประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และทำหน้าที่ล่ามภาษาเมียนมาให้กับคนงานก่อสร้าง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรับงานลักลอบขนแรงงานมาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าค่าจ้างสูงจึงยอมรับงาน โดยรถที่ใช้กระทำความผิดเป็นรถที่เช่ามาจากเพื่อนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครด้านแรงงานต่างด้าวทั้งหมดให้การผ่านล่ามว่า หลังถูกผลักดันกลับประเทศได้ไม่นาน พวกตนได้ติดต่อกับนายหน้าชาวพม่าอีกครั้ง เพื่อหาช่องทางกลับเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากไม่มีที่อยู่อาศัยในประเทศเมียนมา และตั้งใจจะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหางานทำ โดยยอมจ่ายค่าจ้างให้กับขบวนการนำพากว่าคนละ 20,000 บาท

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :


ช่วยแชร์ด้วยนะคะ