เที่ยววัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช อยุธยา ขอบารมี “หลวงพ่อใหญ่”
เที่ยววัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช อยุธยา ขอบารมี “หลวงพ่อใหญ่” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยทราวดี ใครขอไหว้ ได้สำเร็จ!
“หลวงพ่อใหญ่” พระพุทธรูปสมัยทราวดี อายุเก่าแก่เกือบ 2,000 ปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
ประวัติศาสตร์วัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลพุทเลา อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอีกวัดร้างเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้ เป็นสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายโพธิ์สามต้น ซึ่งเป็นโบราณสถานและแหล่งประวัติศาสตร์ประเภทค่ายทัพโบราณสมัยอยุธยา เมื่อครั้งกองทัพพม่าได้มาตั้งค่ายราวปี พ.ศ. 2309 พม่าได้ส่งแม่ทัพ คือ เนเมียวสีหบดี และ มังมหานรธา เข้าตีกรุงศรีอยุธยาทุก ๆ ด้าน โดยส่งกองทัพของเนเมียวสีหบดีมาตั้งค่ายใหญ่ที่โพธิ์สามต้น ส่วนกองทัพมังมหานรธาตั้งค่ายที่บ้านสีกุก โดยรื้อเอาอิฐวิหาร โบสถ์ มาก่อกำแพงล้อมเป็นค่าย แต่เมื่อมังมหานรธาตายที่ค่ายสีกุก เนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพใหญ่ และยังได้กองทัพพม่าทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้สมทบกันเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา ตีจนกรุงศรีอยุธยาแตก พม่าได้รวบริบทรัพย์สิน และจับทหาร ผู้คน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ภิกษุสามเณร
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมกำลังคน และทหารไทย-จีนจากเมืองจันทบุรี กลับมากอบกู้อิสรภาพ โดยยกทัพเดินทางเข้ามาโจมตีค่ายโพธิ์สามต้น ทำบันไดปืนค่ายข้างฟากตะวันตก จากนั้นเข้าตีค่ายของ “สุกี้พระนายกอง” ซึ่งเป็นนายใหญ่คุมกำลังประมาณ 3,000 คน อยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น ข้างฟากตะวันตก กองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เข้าค่ายโพธิ์สามต้นข้างฟากตะวันตกได้ ฆ่าสุกี้พระนายกอง แม่ทัพพม่าเสียชีวิต จนมีชัยชนะเหนือพม่า (พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวไว้) และพระองค์ได้ตั้งพักกองทัพอยู่ที่ค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น พร้อมกับได้รวบรวมทรัพย์สมบัติที่ยังมิได้ส่งไปพม่า รวมเก็บรักษาไว้ในค่ายแม่ทัพที่โพธิ์สามต้น และเมื่อพระองค์ทรงสำรวจดูสภาพกรุงศรีอยุธยาแล้ว ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาเสียหายเกินกว่าจะปฏิสังขรณ์ได้ จึงโปรดให้ไปตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี
นี่คือเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาในอดีต แต่ในปัจจุบันวัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช เป็นวัดที่มีความสงบร่มเย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม และท่องเที่ยวศึกษาเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และอยู่คู่กับวัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช ก็คือ “หลวงพ่อพระพุทธฐานิโย หรือ หลวงพ่อใหญ่” ประดิษฐานเป็นองค์ประธานภายในพระอุโบสถเพื่อให้สาธุชนได้เดินทางเข้ามาสักการะกราบไหว้ขอพร องค์หลวงพ่อใหญ่นี้ เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยทราวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16) แกะสลักเนื้อหินทรายอายุเก่าแก่เกือบ 2,000 ปี ปางมารวิชัย หรือปางชนะมาร
“พระครูสังฆรักษ์วิระคุปต์ อัคคธัมโม” หรือศิษยานุศิษย์ท่านมักจะเรียกท่านว่า “พระครูเล็ก” เล่าเรื่องราวองค์หลวงพ่อใหญ่ให้ทีมงานฟังว่า “เดิมองค์หลวงพ่อใหญ่แกะสลักด้วยหินทรายสายรุ้งที่สวยงามมาก เป็นพระพุทธรูปหินทรายทราวดีจำนวน 5 องค์ ได้ถูกพม่าประทุษร้ายเมื่อครั้งสมัยอโยธยา ราว 400 กว่าปีมาแล้ว และได้ถูกทิ้งร้างมานาน แต่ก่อนประดิษฐานอยู่ในศาลาเล็กๆ เท่านั้น ต่อมาได้บูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2542 แล้วเสร็จช่วงเดือนกรกฎาคม 2543”
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อใหญ่ จากคำบอกเล่าของคุณตา-คุณยายคู่หนึ่งเป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาศัยบริเวณนี้มาช้านานเล่าว่า ในสมัยโบราณวัดโพธิ์เป็นวัดร้าง มีทุ่งป่าดงดิบปกคลุมไปทั่ว ถนนก็ยังไม่มี ซึ่งคุณยายเล่าว่า เคยฝันว่าที่วัดร้างนี้มีพระสงฆ์เคยจำพรรษามาก่อน และเห็นพระอยู่ 1 รูป พอตื่นขึ้นมาจึงได้อธิษฐานจิตขอพรหลวงพ่อใหญ่ให้วัดร้างแห่งนี้มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ประจำวัดด้วยเถิด เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่กิจการทางพระพุทธศาสนา ให้ชาวบ้านได้ทำบุญตักบาตร และในปัจจุบันวัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช มีพระภิกษุสงฆ์อยู่จําพรรษาจำนวนหนึ่ง ขณะที่คุณตาเล่าว่า สมัยโบราณ แต่ก่อนบริเวณนี้เป็นวัดร้าง ยังไม่มีถนนตัดผ่าน จึงได้อธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อใหญ่ ให้มีถนนตัดผ่านผู้คนจะได้ใช้สัญจรผ่านไปมา และให้รับรู้ว่ายังมีวัดอยู่ เพื่อจะทำให้วัดร้างที่นี่เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวของจิตใจของชาวพุทธบ้าง เป็นต้น
วัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช ในปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบ้านอำเภอบางปะหัน และสาธุชนที่เดินทางผ่านไปมาบนถนนเส้นนี้ ต่างเข้ามาทำบุญถวายสังฆทาน บางคณะบางกลุ่มได้เข้ามาสนทนาธรรมกับพระครูเล็ก และเข้ามากราบสักการะขอพรหลวงพ่อใหญ่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา หลายคนเกิดปาฎิหาริย์ และประสบผลสำเร็จตามที่ปรารถนา ก็เพราะด้วยบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อใหญ่นั่นเอง นอกจากนี้ ภายในพระอุโบสถยังได้ประดิษฐาน “องค์รูปหล่อจำลองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงผนวช” ซึ่งส่วนใหญ่ข้าราชการทหาร ตำรวจ ต่างเข้ามาขอพระขอบารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในด้านลาภยศเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่วัดโพธิ์อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ภายในวัดโพธิ์ยังไม่จุดที่น่าสนใจ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะกราบไหว้ขอพรขอโชคลาภอีกมากมาย อาทิ พระสีวลี พญานาคราช 3 เศียร ศาลปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เจดีย์พุทเลาหรือเจดีย์ผู้วายชนจากสงครามตีค่ายโพธิ์สามต้น และมีต้นโพธิ์เก่าแก่หลายร้อยปีที่ชาวบ้านมีความเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ด้านการให้โชคลาภจากการเสี่ยงโชคอีกด้วย
ปัจจุบันวัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราชไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แต่ยังมีบุคคลภายนอกและศิษยานุศิษย์จากจังหวัดต่าง ๆ ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมสวดมนต์ทำวัตรเช้า-วัตรเย็น อันเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป เนื่องจากสถานที่ภายในวัด มีความสงบร่มรื่น และน่าเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และได้รับธรรมะข้อคิดดีๆ ให้ชาวพุทธเดินตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อการดำรงชีพในชีวิตประจำวันของชาวพุทธไม่ให้ประมาท และให้มีสติ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของพระพุทธศาสนาอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์: วัดโพธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช
ตำบลพุทเลา อำเภอบางปะหัน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา
ขอขอบคุณภาพและบทสารคดี
โดย นริศรา อ่อนเรียน
ช่องยูทูป: ยอยศบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า
Facebook Page : ยอยศบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ :